วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สังคมไทย


"พบศพเด็กจากการทำแท้ง 348 ศพ" เป็นข่าวใหญ่ระลอกแรกที่ "ช็อก" คนไทยทั้งประเทศให้ตกอยู่ในอาการ "สยดสยอง-สลดหดหู่" ยังช็อกชาวโลกอีกด้วย เพราะข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก จากสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของโลกทุกสำนัก
แต่ "ข่าวระลอกสอง" กลับสยดสยองยิ่งกว่าอีกหลายเท่า จนทำให้คนไทยตกอยู่ในภาวะ "อึ้งจนไปไม่ถูก" เมื่อสัปเหร่อสารภาพมากขึ้น แล้วตำรวจไปเปิดโกดังเก็บศพทั้งหมดพบอีก 1,654 ศพในวัดเดียวกัน คือ "วัดไผ่เงิน" ที่อยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร
คำถามที่ควรจะถามต่อไป คือ สังคมมีความมั่นใจมากแค่ไหน ว่า นอกเหนือจาก "วัดไผ่เงิน" ที่อยู่ใจกลางเมืองหลวงแล้ว จะไม่มีสัปเหร่อวัดอื่นอีกทั่วประเทศกว่า 35,000 วัด มีพฤติกรรมเหมือนกับสัปเหร่อวัดไผ่เงิน คือ หาลำไพ่พิเศษให้ทำลาย "ศพเด็ก"

จากตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 305 อนุญาตให้หญิงมีครรภ์ทำแท้งได้โดยไม่ผิดกฎหมายเพียง 2 กรณี คือ การถูกข่มขืนและการเกิดอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์และบุตร ทำให้การทำแท้งกรณีอื่นๆ เป็นเรื่องผิดกฎหมายทั้งหมด ซึ่งในชีวิตจริงได้สร้างปัญหาต่อเนื่องมากมายกับหญิงสาวที่ตั้งครรภ์โดยไม่ มีความพร้อม หรือไม่ได้ต้องการลินิกทำแท้งเถื่อน

สังคมไทยเป็นสังคมชาวพุทธที่ดูเหมือนจะเคร่งครัดทางศีลธรรมมากๆ แต่ศพเด็ก 2,002 ศพ เป็นการ "ตบหน้า" และ "ประจาน" คนไทยทั้งประเทศให้ตื่นขึ้นมายอมรับความจริงเสียทีว่าสังคมไทยไม่ได้สูงส่งทางศีลธรรมใดๆ เลย
แท้จริงแล้ว เป็นสังคมหน้าไหว้หลังหลอก ที่มักไม่ยอมแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมที่หมักหมมมานานในหลายๆ เรื่อง การปล่อยปละหญิงท้องไม่มีพ่อให้แก้ปัญหาด้วยตัวเองจน "ศพเด็ก 2,002 ศพ "เน่าเฟะออกมาหลอกหลอนมากมายขนาดนี้

สังเกตอารมณ์ของสังคมยังดู "ด้านชา" ไม่ค่อยเกิดความรู้สึกทุกข์ร้อนว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนสำคัญระดับชาติ หรือถือเป็น "วาระทางศีลธรรมแห่งชาติ" ที่จะต้องลงมาช่วยกันแก้ไข ระวังไว้เถอะ "ศพเด็ก" อีกปีละนับแสนศพ อาจจะลุกขึ้นมาทวงสิทธิการมีชีวิตอยู่ หากพวกเรายังไม่กล้าเผชิญปัญหาแล้วหาทางแก้ไข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น